Type Here to Get Search Results !

10 อันดับ การค้นพบโดยบังเอิญ

10 การค้นพบ ไอศกรีมแท่ง



   มีบันทึกว่า ไอศกรีมแท่งนั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1905 เมื่อแฟร็งก์ เอ็ปเพอร์สัน (Frank Epperson) เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีชาวนครซานฟราสซิสโกคนหนึ่ง ลืมแก้วบรรจุน้ำผสมผงโซดาเสียบแท่งไม้กวนอาหารทิ้งไว้ที่ชานหลังบ้าน พอตกดึก อุณหภูมิลดลง ครั้นรุ่งเช้า เอ็ปเพอร์สันนึกขึ้นได้ และกลับไปหลังบ้านเพื่อจะนำน้ำโซดานั้นมาดื่ม แต่พบว่า น้ำในแก้วแข็งตัวเสียแล้ว เขาจึงนำแก้วดังกล่าวผ่านน้ำร้อนชั่วประเดี๋ยวเพื่อให้น้ำแข็งเลื่อนหลุดจากแก้วได้ และเขาก็ได้โซดาแท่งไปรับประทานเป็นที่โอชายิ่งนัก


9 การค้นพบ ช็อกโกแลตชิป





    ช็อกโกแลตชิปเป็นส่วนผสมสำคัญของคุกกี้ช็อกโกแลตชิปซึ่งได้รับการคิดค้นเมื่อปี พ.ศ. 2480 โดยรูธ เกรฟส์ เวกฟีลด์ ซึ่งทำงานอยู่ที่โทลล์เฮาส์อินน์ในเมืองวิตแมน รัฐแมสซาชูเซตส์ เธอตัดแท่งช็อกโกแลตกึ่งหวานของเนสท์เล่เป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงในคุกกี้ หลังจากนั้นคุกกี้ของเธอก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เวกฟีลด์ได้ตกลงทำสัญญากับเนสท์เล่ในปี พ.ศ. 2482 โดยอนุญาตให้เนสท์เล่ใส่สูตรของเธอในบรรจุภัณฑ์ช็อกโกแลตแบบแท่งเพื่อแลกกับการส่งช็อกโกแลตให้เธอตลอดชีวิต ในช่วงแรกเนสท์เล่ได้แถมเครื่องมือตัดไปกับช็อกโกแลตแบบแท่งด้วย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2484 เนสท์เล่และคู่แข่งอย่างน้อยหนึ่งบริษัทได้เริ่มวางขายช็อกโกแลตชิปแยกต่างหากในท้องตลาด เนสต์เล่ได้ตั้งชื่อคุกกี้ช็อกโกแลตว่า "โทลล์เฮาส์คุกกีส์" ซึ่งเป็นชื่อของโรงแรมต้นกำเนิดช็อกโกแลตชิป

8 การค้นพบ น้ำตาลเทียม




    ค่ำคืนหนึ่งในปี ค.ศ. 1879 นายคอนสแสตนติน ฟาห์ลเบอร์ก (Constantine Fahlberg) เสร็จจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ ก็หยิบขนมปังขึ้นมากิน เขารู้สึกว่าขนมปังนี้หวานผิดปกติ เขาคิดทันทีว่า มือของเขาจะต้องติดสาร ตัวใดตัวหนึ่งมาจากห้องทดลองแน่นอน เขาจึงกลับไปที่ห้องทดลองอีกครั้ง ลงมือชิมสารต่าง ๆ ทีละตัว จนพบว่า “แชกคาริน” (saccharin) นั้นเอง ที่เป็นสารให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 300-500 เท่าทีเดียว เขาจดสิทธิบัตรทันทีโดยได้จดทะเบียนสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1885

   ในปี ค.ศ. 1937 นายไมเคิล สเวดา (Michael Sveda) เป็นอีกคนหนึ่งที่ค้นพบน้ำตามเทียมโดยบังเอิญ จากการลิ้มรสหวานจาก ปลายมวนบุหรี่ของเขา เขากลับไปค้นหาสารที่ติดมือจากห้องทดลองเช่นกัน และพบสารชนิดหนึ่ง เขาจึงให้ชื่อน้ำตาลเทียมของเขาว่า “ไซคลาเมต” (cyclamate) ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 30 เท่า
   ในปี ค.ศ. 1970 มีการวิจัยพบว่า ทั้งแซกคารินและไซคลาเมตเป็นสารอันตราย ที่ก่อให้เกิดมะเร็งในหนูทดลอง
   ในปี ค.ศ. 1965 นายเจมส์ สแกตเตอร์ (James Schlatter) นักเคมีได้ค้นพบ น้ำตาลเทียมโดยบังเอิญอีกเช่นกัน เกิดจากการที่เขาเลียนิ้วมือเพื่อหยิบ กระดาษจากปึกออกมา ปรากฏว่านิ้วมือของเขาหวาน เขาจึงไปค้นหาที่มาของ ความหวานบนนิ้วมือ ได้ค้นพบน้ำตาลเทียมอีกชนิดหนึ่งที่เขาให้ชื่อว่า “แอสพาร์เทม” (aspartame)

7 มันฝรั่งทอด




   ที่นิวยอร์ก วันที่ 24 สิงหาคม 1853 ที่ห้องครัวของเชฟ จอร์จ ครัม ได้เกิดเเนวคิดที่จะคิดค้นมันฝรั่งในรูปแบบใหม่ เพราะว่าลูกค้าที่ไปนั่งอยู่ในร้านได้สั่งมันฝรั่งมากิน เเต่ว่ามันฝรั่งของ เชฟจอร์จ ครัม นั้นมีขนาดหนาจนเกินไป ทำให้ลูกค้า เกิดอาการหัวเสียและบ่นกันอย่างมาก และคืนมันฝรั่งให้เขา 
   เป็นผลให้ จอร์จ เริ่มคิดการทำรูปแบบใหม่ โดยการหั่นมันฝรั่งให้มันเป็นแผ่นบาง ๆ เพื่อให้ลูกค้าไม่สามารถที่จะนำมารับประทานด้วยส้อม เมื่อเขานำมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า ก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก เเละกลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าไป ซะ อย่างนั้น 
   หลังจากนั้นไม่นานมันฝรั่งทอดก็กลายเป็นเป็นอาหารจานปกติที่เสิร์ฟที่ร้านอาหารจานของ เชฟ จอร์จ ครัม แล้วเริ่มแพร่กระจายออกไปขึ้นในเมนูของร้านอาหารอื่น ๆ

6 การค้นพบ บรั่นดี




   บรั่นดีเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้จากการกลั่นของการหมักน้ำผลไม้ต่างๆ หรือไวน์ต่างๆ เช่นองุ่น แอปเปิ้ล แต่เมื่อผลิตจากผลไม้อื่นก็จะเรียกชื่อตามผลไม้นั้นๆ แต่ถ้าผลิตจากองุ่นก็จะเรียกบรั่นดี กรรมวิธีการผลิตโดยการหมักน้ำองุ่นแล้วนำมาต้มกลั่น แล้วนำไปบ่มต่อในถังโอ๊คซึ่งจะทำให้แอลกอฮอล์ที่มีอยู่เดิมลดลง และเมื่อยิ่งบ่มไว้นานแอลกอฮอล์ก็จะลดต่ำลงไปเรื่อยๆ บรั่นดีบางตัวเมื่อบ่มเกิน 50 ปีขึ้นไปจะมีแอลกอฮอล์ลดลงต่ำกว่า 40 ดีกรี และเมื่อบรรจุขวดก็จะมีแอลกอฮอล์เพียง 36 ดีกรี อันจะทำให้บรั่นดีนั้นมีความพิเศษเฉพาะ และมีความสุขุม นุ่มนวลจากการเก็บบ่มอันยาวนานนั่นเอง
ในบางประเทศ เช่นประเทศฝรั่งเศส ในแคว้นคอนญัก (Cognac) อมายัค (Armagnac) และ ควาลวาดอส (Calvados) ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญในการผลิตบรั่นดีมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งบรั่นดีสามารถผลิตที่ไหนในโลกตราบใดเท่าที่ใช้องุ่นเป็นวัตถุดิบ เช่นที่ Douro valley ในประเทศโปรตุเกส Jerez de la Frontera ในประเทศสเปน

5 การค้นพบ เทฟลอน




   กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาวิศวกรมาร์ค Gregoire เริ่มทำงานในการใช้งานของพอลิเมอที่มีชื่อที่ซับซ้อนและมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์Polytetrafluoroethylene (PTFE) - ทนทานทำปฏิกิริยาทางเคมีพลาสติกทนความร้อนว่ากันว่าการเกิดขึ้นของการเคลือบไม่ติดบนกระทะปรุงอาหารและภรรยาแม่บ้านเป็นหนี้ Gregoire ถูกถามว่าจะหาวิธีที่จะช่วยเธอจากการทำความสะอาดกระทะที่น่าเบื่อของอาหารที่ถูกเผาไหม้PTFE เคลือบไม่ติดกระทะได้กลายเป็นพื้นฐาน - เทฟลอนและกระทะแรกกับ บริษัท เคลือบเทฟลอนเริ่มผลิต Tefalบริษัท ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้ผลิตขนาดใหญ่ของเครื่องใช้ในครัว แต่ชื่อที่ได้รับการเก็บรักษาไว้และกระทะ Tefal ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของรถถังที่มีคุณภาพสูงสำหรับทอดที่ปรุงอาหารและผลิตภัณฑ์ดับเพลิง

4 การค้นพบ ไวก้า




   Merthyr Tydfil นักวิทยาศาสตร์เวลส์ ที่ทำงานเกี่ยวกับยาเสพติด และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ค้นพบไวอาก้าในปี 1992 ว่าสูตรไวอาก้าที่สร้างขึ้นใหม่ของพวกเขามีผลข้างเคียงที่น่าแปลกใจ สูตรนี้ที่สร้างขึ้นใหม่ก่อให้เกิดการเสริมสร้างการมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น การค้นพบทำให้ไวอาก้านิยมมากจนเป็นที่นิยมมากที่สุดโดยในโลก
   ไวอาก้า จริงๆแล้วเป็นชื่อการค้า มีชื่อสามัญทางยาว่า Sildenafil (ซิลเดนาฟิล) ซึ่งยาจะไปออกฤทธิ์กักเลือดที่ไหลไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายให้อยู่ที่บริเวณ ช่วยคงสภาพการขยายตัวของหลอดเลือดในอวัยวะเพศชายให้ขยายตัวอยู่นานเพียงพอสำหรับการร่วมเพศ ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวนานขึ้น  

3 เตาอบไมโครเวฟ




   แนวความคิดในการใช้ คลื่นไมโครเวฟ ในการให้ความร้อนแก่อาหารนี้ ค้นพบโดย เพอร์ซี สเปนเซอร์ (Percy Spencer) ซึ่งทำงานที่บริษัทเรธีออน (Raytheon) ในขณะกำลังสร้าง แมกนีตรอนสำหรับใช้ในระบบเรดาห์ วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังทำงานอยู่กับเรดาห์ที่กำลังทำงานอยู่ เขาได้สังเกตเห็นแท่งช็อกโกแลต ในกระเป๋าเสื้อของเขาละลาย อาหารชนิดแรกที่อบโดยตู้อบไมโครเวฟ คือ ข้าวโพดคั่ว และ ชนิดที่สองคือ ไข่ ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นในขณะทำการทดลองอบ

   ในปี ค.ศ. 1946 เรธีออน ได้จดสิทธิบัตรกระบวนการใช้คลื่นไมโครเวฟในการอบอาหาร ต่อมาในปี ค.ศ. 1947 เรธีออกก็ได้ผลิตเตาอบไมโครเวฟเครื่องแรก เพื่อการพาณิชย์ ชื่อ Radarange ซึ่งมีขนาดใหญ่ สูงถึง 6 ฟุต (1.8 เมตร) และ หนัก 750 ปอนด์ (340 กิโลกรัม) โดยใช้น้ำเป็นระบบระบายความร้อน และ ให้กำลัง 3000 วัตต์ ซึ่งสูงกว่าเตาอบไมโครเวฟที่เราใช้กันทุกวันนี้ ถึง 3 เท่า การประดิษฐ์นี้ประสบความสำเร็จทางการตลาดมากจนในที่สุด เรธีออนได้ซื้อบริษัท อมานา (Amana) เพื่อทำการผลิต ผลิตภัณฑ์ชุดอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนอื่นๆ

   มีบริษัทอื่นๆ อีกมากเริ่มผลิตเตาอบไมโครเวฟนี้ ออกสู่ตลาด ซึ่งในช่วงแรกนี้ผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ทำงานทางด้านการทหาร เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความชำนาญทางด้าน แมกนีตรอน ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เทคโนโลยีทางด้านนี้ได้พัฒนาไปมากจนกระทั่ง ราคาของเตาอบไมโครเวฟนี้ตกลงอย่างรวดเร็ว และ เตาอบไมโครเวฟ ก็ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์หลักหนึ่งในครัวเรือน

2 แอลเอสดี LSD หรืออาจเรียกว่า แอซิด เป็นสารเสพติดที่สกัดได้จากเชื้อราที่อยู่บนข้าวไรย์





   ในตอนแรก A. STOLL นักวิจัยของบริษัท แซนด็อช (SANDOS) ได้ทำการแยกสารชนิดหนึ่งออกมาจากเชื้อราบนเมล็ดข้าวไรย์ (RYE) และได้เรียกสารชนิดนี้ว่า “ไลเซอร์จิคแอซิด” (LYSERGICACID) และเพื่อนร่วมงานชื่อ A. HOFMANN (อัลเบิร์ต ฮอฟมานน์)ได้ทำการสังเคราะห์ ลักษณะโมเลกุลของไลเซอร์จิคแอซิด ขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้เชื้อราในปี 1938 และได้เรียกว่า “แอล.เอส.ดี.” (L.S.D.) ซึ่งรู้จักกันไปทั่วในวงการยาเสพติด
   หลังจากค้นพบแล้ว ยังไม่ทราบว่า แอล.เอส.ดี. นั้นมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร และเสพ แอล.เอส.ดี. มาเรื่อยๆ จนวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1943 A. HOFMANN ก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและตาลาย แสงแดดเจิดจ้าขึ้นกว่าปกติ มีประกายสีต่างๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างประหลาด อีกสามวันต่อมา เขาได้ทดลองกินแอล.เอส.ดี. 0.25 ไมโครแกรม ใน 45 นาทีให้หลัง ยาก็เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน

1 เพนิซิลิน (Penicillin) ยาปฏิชีวนะตัวแรกของโลก




   ว่ากันว่าประวัติการค้นพบยาเพนิซิลิน นี้เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดขณะที่ อเล็คซานเดอร์  เฟลมิง  กำลังทำการทดลองเชื้อแบคทีเรีย สเตปฟิโลคอกคัส (Staphylococcus)  ที่ทำให้เกิดโรคเซฟติซีเมีย (Septicemia) หรือภาวการณ์ติดเชื้อในกระแสเลือด

  เขาได้เพาะเชื้อแบคทีเรียใส่พืชทะเลลงบนจานทดลอง และปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส  แต่แล้ววันหนึ่งผู้ช่วยของเขาได้ลืมปิดฝาจานทดลอง  ทำให้พบว่ามีเชื้อราสีเขียวชนิดหนึ่งขึ้นที่จานเต็มไปหมด  บริเวณรอบ ๆ เชื้อรานี้กลายเป็นวงใส ๆ และแบคทีเรียสเตปฟิโลคอกคัสถูกฆ่าเป็นวงกว้าง   ซึ่งต่อมาพบว่าราเหล่านี้ก็คือ ราเพนนิซิลเลียม (Pennicillium family) นั่นเอง










เออ ถ้าอ้านแล้ว ไม่เข้าใจก็ของอภัยด้วย

ที่มา peimag

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น
* Please Don't Spam Here. All the Comments are Reviewed by Admin.

Top Post Ad