ออสโลเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าเขาและทะเลสาบ มีพื้นที่ทั้งหมด 115 ตารางกิโลเมตร ซึ่ง 7 ตารางกิโลเมตรใช้ทำการเกษตร ปัจจุบัน พื้นที่ของเมืองสีเขียวถูกปกคลุมไปด้วยป่าทึบ สองในสามของเมืองออสโลพื้นที่คุ้มครองด้วยกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดในเมืองเพื่อปกป้องทรัพยากรทางและความงามของธรรมชาติเอาไว้
ภายในเมืองมีพื้นที่สวนสาธารณะจำนวนมากและมีทะเลสาบ 343 แห่ง ในเมืองออสโล พื้นที่เหล่านี้ทำให้เมืองมีลักษณะเป็นสีเขียว ช่วยให้มีสภาพแวดล้อมที่สงบและเย็น รัฐบาลของนอร์เวย์มีโครงการที่จะทำให้ออสโลกลายเป็นเมืองที่ไม่มีคาร์บอนภายในปี 2020 มีผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะอินทรีย์และเชื้อเพลิงฟอสซิล จากน้ำเน่า

9 เฮลซิงกิ – ฟินแลนด์
เฮลซิงกิเมืองหลวงของฟินแลนด์เป็นหนึ่งในเมืองสีเขียวและน่าอยู่มากที่สุดในยุโรป เมืองนี้มีเกาะ 310 แห่ง บางส่วนของหมู่เกาะเหล่านี้เป็นที่รู้จักในเรื่องของความงามของหาดทราย และมีอากาศที่ดีมากเพราะการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศได้ดีมาก ภายในเมืองยังปกป้องสภาพแวดล้อมของธรรมชาติและทรัพยากร เฮลซิงกิยังเป็นที่รู้จักในการเป็นเมืองแห่งการรีไซเคิลในระดับสูง เพื่อจะช่วยลดมลพิษ

8 ซานฟรานซิสโก , สหรัฐอเมริกา
ซานฟรานซิสโกมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเขา และมีชายฝั่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก สิ่งที่ทำให้ซานฟรานซิสโก เป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก นั้นคือการรีไซเคิลต่าง ๆ ในระดับสูง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่อยู่เบื้องหลังการเจริญเติบโตของซานฟรานซิสโก เป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลเมืองมีภารกิจที่จะทำให้ของเสีย มลพิษ ต่างๆ ในเมืองที่เป็นศูนย์ในปี 2020 ในซานฟรานซิสโก และมีนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น การสร้างพลังงานแสงอาทิตย์,พลังงานลม, พลังงานความร้อน และพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ที่อยู่ในเมือง

7 ลอนดอน, อังกฤษ
ลอนดอนเป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวมีกว่า 14,164 ไร่ ซึ่งจะรวมถึงสวนสาธารณะ ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าสงวนธรรมชาติ สวนและพื้นที่กลางแจ้ง พื้นที่สีเขียวเหล่านี้ช่วยให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพทำให้มีมลพิษน้อยลงและคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น

6 เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์