ในประเทศอังกฤษมีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1870 ในระยะแรก การเล่นแบดมินตันจะเล่นกันเพียงแต่ในหมู่นายทหารของกองทัพ และสมาชิกชนชั้นสูงของอินเดียเท่านั้น จนกระทั่งมีนายทหารอังกฤษคนหนึ่งที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนา ประเทศอินเดียได้เห็นกีฬาตีลูกขนไก่จึงนำกลับไปเล่นในอังกฤษ และในอังกฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” ของยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่ตำบลกล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี ค.ศ. 1873 เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่า “แบดมินตัน” ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา
9 สควอช Squash
สควอช เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเพียงประเภทเดียวที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ ข้างเดียวกันของเนตจุดนี้เองที่ทำให้สควอชมีเสน่ห์ ผนังโดยรอบทำให้การเล่นง่ายแม้กระทั่งสำหรับคนหัดใหม่ที่จะตีโต้ไปมาได้เป็น เวลานานๆ ซึ่งอาจจะแปลกสำหรับกีฬาที่กำลังเป็นที่นิยมที่สุดในยุคนี้ และสควอชเล่นได้ทั้งชายและหญิง ไม่จำกัดอายุ สควอซนั้นกำเนิดและคิดค้นขึ้นช่วงต้นศตวรรตที่ 19 ปี 1830 ในโรงเรียนแฮร์โรว์ ของอังกฤษและต่อมาปี 1864 มีการสร้างสนามสควอซขึ้นครั้งแรก 4 สนาม ในโรงเรียนแฮร์โรว์ในเวลานั้นสควอซก็ถูกตั้งให้เป็นกีฬาอย่างเป็นทางการ ในปี 1886 ได้มีการตั้งกฏกติกาการเเข่งขันขึ้น และปี 1890 กีฬาชนิดนี้ได้เเพร่หลายออกไปทั่วโลก
8 กีฬาแข่งเรือกรรเชียง Rowing
การแข่งเรือกรรเชียงมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล คือตั้งแต่สมัยอียิปต์ กรีก และโรมัน โบราณ แต่ในประเทศอังกฤษการแข่งเรือสมัยเริ่มแรกเพิ่งจะมีขึ้นในปี ค.ศ.1545 ในลำน้ำเทมส์ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญ ของอังกฤษ มีต้นน้ำอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศแล้วไหลลงไปทางตะวันออกออกสู่ทะเลเหนือ นับเป็นความยาว 210 ไมล์ เริ่มแรกก็จัดแข่งกันในหมู่ชาวเรือ ภายหลังต่อมาโรงเรียนต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำก็ได้นำไปแข่งขันและถือเป็นกีฬาอย่างหนึ่ง
Eton College (อีตัน คอลิจ) โรงเรียนมัธยมกินนอนประเภท Public School สำหรับเด็กผู้ชาย อันมีชื่อเสียงที่สุดในเกาะอังกฤษ ก็ได้จัดแข่งเรือกับอีกโรงเรียนหนึ่ง คือ โรงเรียน Westminster School ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ประมาณปี ค.ศ.1793ในปี ค.ศ.1815 มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้จัดแข่งเรือระหว่างมหาวิทยาลัยขึ้น โดยแข่งเป็นทีม ๆ ละ 8 คน เรือที่ใช้แข่งลำแรกยังถูกเก็บไว้ให้คนชมที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอนจวบจนทุกวันนี้ เป็นเรือที่มีขนาดยาว 45 ฟุต กว้าง 4 1/2 ฟุต กรรเชียงแต่ละอันยาว 14 ฟุต ส่วนมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ Cam (แคม) เพิ่งจัดให้มีการแข่งเรือระหว่างมหาวิทยาลัยขึ้นในปี ค.ศ.1826
ทั้งสองมหาวิทยาลัยจึงได้จัดการแข่งเรือกรรเชียงขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ.1829 ในลำน้ำเทมส์ มีระยะทาง 2 ? ไมล์ โดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเป็นฝ่ายชนะ หลังจากนั้นก็ถูกกำหนดให้เป็นประเพณีประจำปี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1839 สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้ การแข่งขันเรือกรรเชียงบรรจุในโอลิมปิกตั้งแต่ ค.ศ.1900
7 โปโลน้ำ Water polo
6 เนตบอล netball
กีฬาเนตบอลพัฒนามาจากกีฬาบาสเกตบอล โดยเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1891 ณ เมืองสปริงฟิลด์ ( Springfield ) มลรัฐแมสซาซูเซทส์ ( Massachusetts ) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยชาวแคนาเดี่ยน ชื่อ James Naismith ซึ้งสร้างเกมนี้เพื่อให้เล่นในร่ม ต่อมาเกมนี้มีชื่อเรียกว่า บาสเกตบอล ซึ่งลำดับต่อมา Clara Bear ครูสอนกีฬาในเมืองนิวออรีลส์ ( New Orleans ) ได้เขียนหนังสือถึง James Naismith เพื่อขอต้นฉบับกติกา และคิดที่จะทำเกมกีฬาขึ้นมาใหม่ โดยมีการเขียนเส้นขวางสนามเพื่อใช้กำหนดพื้นที่การเล่น ผู้เล่นไม่สามารถออกนอกพื้นที่การเล่นของตนเองได้ แต่เกมกีฬาดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ
ในปี ค.ศ. 1895 กีฬาเนตบอลเริ่มในประเทศอังกฤษ ณ มาดาม ออสเทนบิวรี่วิทยาลัย ( Madame Ostenbury’s College ) และมีจำนวนผู้เล่นกีฬาเนตบอลมากขึ้นตามลำดับ ประมาณครึ่งศตวรรษที่ 20 กีฬาเนตบอลได้มีการเริ่มเล่นในประเทศต่างๆที่อยู่ภายใต้เครือจักรภพอังกฤษ แต่ไม่มีมาตรฐานของกฎ กติกา การเล่นที่แน่นอน บางครั้งเล่นข้างละ 9 คน บางครั้งเล่นข้างละ 5 คน
ในปี ค.ศ. 1957 ระหว่างที่ชาวออสเตรเลียได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ ได้มีการอภิปรายถึงมาตรการของกฎ กติกาการเล่น และท้ายที่สุดในปี ค.ศ. 1960 ได้มีการจัดประชุมขึ้น ณ ประเทศศรีลังกา โดยมีตัวแทนจากประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาฟริกาใต้ และอินเดียตะวันตก ได้ร่วมกันก่อตั้งเป็น สหพันธ์บาสเกตบอลและเนตบอลผู้หญิงนานาชาติ ( The International Federation of Women’s Basketball and Netball ) กีฬาเนตบอลมีกฎ กติกา อย่างเป็นทางการตั้งแต่บัดนั้น และได้มีมติให้จัดการแข่งขันแชมป์โลกทุกๆ 4 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1970 สมาคมกีฬาเนตบอลประเทศออสเตรเลียได้มีการปรับปรุงเกมการเล่น และกำหนดชื่อกีฬาชนิดนี้อย่างเป็นทางการว่า “กีฬาเนตบอล” การเล่นมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยมากขึ้นโดยเน้นที่ความเร็วและความตื่นเต้นตลอดเกมการแข่งขัน ปัจจุบันมีสหพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเนตบอลอยู่ 2 สหพันธ์ คือ สหพันธ์กีฬาเนตบอลนานาชาติ
( The International Federation of Netball Associations : IFNA ) มีที่ทำการอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และสหพันธ์กีฬาเนตบอลแห่งเอเชีย ( The Asian Federation Netball Association : AFNA ) มีที่ทำการอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์
5 เทเบิลเทนนิส Table tennis
ที่มาของกีฬาเทเบิลเทนนิส (Table tennis) หรือปิงปอง ยังไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด ไม่มีประวัติความเป็นมาในสมัยโรมันหรือกรีกเช่นเดียวกับกีฬาประเภทอื่น แม้รัสเซียก็เคยอ้างว่าเป็นผู้คิดค้นมาก่อนใคร แต่อังกฤษอ้างว่าตนเป็นต้นกำเนิดแล้วก็ไม่มีใครไปคัดค้าน แต่มีผู้สันนิษฐานว่ามีที่มาเช่นเดียวกับลอนเทนนิส แต่แหล่งกำเนิดยังเป็นที่สงสัย Frank Monke ได้เขียนแนะนำไว้โดยให้ข้อสันนิษฐานว่ากำเนิดมาจากกีฬา 2 ชนิดคือ
1. กีฬาในร่มของเทนนิส เริ่มเล่นครั้งแรกในรัฐแมสซาชูเซตส์ ราวศตวรรษที่ 19 ( พ.ศ. 2433)
2. สันนิษฐานว่าเริ่มเล่นในอินเดีย โดยทหารอังกฤษได้นำมาเล่นเป็นกีฬากลางแจ้ง การเล่นจะใช้ไม้กระดานเป็นตาข่ายแบ่งแดน บ้างก็ว่ากำเนิดมาจากแอฟริกาใต้ แต่ที่หาหลักฐานได้คือ อังกฤษมีการโฆษณาเกี่ยวกับอุปกรณ์การเล่นเทเบิลเทนนิสชายในหนังสือกีฬาของอังกฤษเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2423 แต่ลูกที่ใช้ในสมัยนั้น ( พ.ศ. 2393) ใช้ลูกบอลทำด้วยไม้ก๊อกหรือยางแข็ง ซึ่งแข็งเกินไป
4 คริกเกต Cricket
คริกเกต (Cricket) เป็นกีฬาที่คิดค้นโดยอังกฤษและนำเข้ามาในประเทศอาณานิคมต่างๆ ของตน แต่กีฬาชนิดนี้ก็พัฒนาและกลายเป็นความนิยมในประเทศเครือจักรภพของอังกฤษอย่างอินเดีย บังคลาเทศ ออสเตรเลีย เป็นต้น คนอินเดียชื่นชอบคริกเกตกันอย่างมาก และมากกว่าธรรมดาด้วย ชนิดที่เรียกว่าคลั่งไคล้กันทั้งประเทศเลย แถมยังติดตามชมการถ่ายทอดสดกีฬาคริกเกตแทบจะทุกแมทช์มากกว่าเกมส์กีฬาอื่นๆ อีกด้วย
เหตุที่คริกเกตเป็นกีฬายอดนิยมของอินเดีย อาจเป็นเพราะการให้ความสำคัญกับผู้เล่นแต่ละคนมากๆ แทบจะเป็นฮีโร่ของเขาเลยอีกทั้งเงินรางวัลก็สูงด้วย เนื่องจากมี สปอนเซอร์เข้ามาลงทุนให้อย่างมหาศาล เพราะจะได้ลูกค้าเยอะ ทำให้นักกีฬาคริกเกตได้ค่าตัวแพงที่สุดในบรรดากีฬาทั้งหลายของอินเดีย และแม้แต่ดาราดังอย่างชาร์รุกข่าน ก็ยังหันมาตั้งทีมคริกเก็ตเป็นของตนเองเลย
3 เทนนิส Tennis
มีหลักฐานพบว่า ประมาณศตวรรษที่ 13 ประเทศฝรั่งเศสมีการเล่นเกมส์ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกีฬาเทนนิสเรียกว่า Le Jeu Du Paume (เจอเดอปูม) หรือเป็นภาษาอังกฤษว่า The Game of the Palm (เกมส์ของฝ่ามือ) เป็นกีฬาของชนชั้นสูงที่เล่นในร่มโดยใช้ฝ่ามือตีลูกบอลทรงกลม หลังจากนั้นจึงมีการใช้เเร็คเก็ตเเทนฝ่ามือ ตอนปลายศตวรรษที่ 16 Le Jeu Du Paume ถูกนำเข้าไปในประเทศอังกฤษ จึงนับได้ว่าประเทศอังกฤษมีส่วนในการพัฒนากีฬานี้ ในปี ค.ศ. 1327 – 1377 กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 ได้สร้างคอร์ทขึ้นภายในพระราชวังวินเซอร์ และในปี ค.ศ. 1414 เจ้าชาย Dauphin แห่งฝรั่งเศส ได้ถวายของขวัญแก่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 เป็นลูกบอลสำหรับใช้เล่นเกมส์นี้ หลักฐานการถวายของขวัญครั้งนี้ ปรากฏอยู่ในบทละครของเชคสเปียร์เรื่องพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 (Henry V) หลังจากการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส Le Jeu Du Paume ก็สูญหายไปพร้อมกับกลุ่มชนชั้นสูง แต่ในประเทศอังกฤษยังคงมีการเล่นกีฬานี้อยู่ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1874 นายพันตรี วอลเตอร์ คล็อปตัน วิงฟิลด์ (Major Walter Clopton Wingfield) ได้ดัดแปลงการเล่นมาจากกีฬาเทนนิสซึ่งแต่เดิมเล่นกันในร่มมาเล่นกันกลางแจ้ง และเรียกชื่อว่า Sphairistike แปลว่า Play ในภาษากรีก
2 รักบี้ Rugby
รักบี้ฟุตบอล หรือเรียกย่อกันว่า รักบี้ เป็นกีฬาชนิดหนึ่งถือกำเนิดขึ้นจากโรงเรียนรักบี้ (Rugby School) ในเมืองรักบี้ ในเขตวอร์วิกเชียร์ ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นจาก ในปี ค.ศ. 1826 ขณะนั้นเป็นการแข่งขันฟุตบอล ภายในของโรงเรียนรักบี้ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองรักบี้ ประเทศอังกฤษ ผู้เล่นคนหนึ่งชื่อ วิลเลี่ยม เวบบ์ เอลลิส (William Webb Ellis) [1] ได้ทำผิดกติกาการแข่งขันที่วางไว้ โดยวิ่งอุ้มลูกบอลซึ่งตัวเขาเองไม่ได้เป็นผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู และได้วิ่งอุ้มลูกบอลไปจนถึงเส้นประตูฝ่ายตรงข้าม เขาจะจงใจหรือไม่ก็ตามแต่ แต่การเล่นที่นอกลู่นอกทางของเขาได้เป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลาย ในหมู่ผู้เล่นและผู้ดูจนแพร่กระจายไปตามโรงเรียนต่างๆในอังกฤษ โดยเฉพาะในหมู่นักเรียนของโรงเรียนเคมบริดจ์ ได้นำเอาวิธีการเล่นของ นายอีลลีส ไปจัดการแข่งขันโดยเรียกชื่อเกมชนิดใหม่นี้ว่า รักบี้เกมส์ (Rugby Games) ภายหลังจากนั้นก็เป็นที่นิยมเล่นกันมากขึ้น ทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขการเล่นเรื่อยมาในประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1823 จึงถือได้ว่า รักบี้ฟุตบอลปกติอาจทำแต้มด้วยการวางทรัยหรือเตะ
1 ฟุตบอล Football
ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่นมากที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน เพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ซูเลอ” (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่ากีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่มีกติกาการแข่งขันที่แน่นอน คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอลในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431
ที่มา wonderslist.