Type Here to Get Search Results !

10 อันดับ สุดยอดรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

10. รูปปั้นสิงโต เกาะดีโลส,ประเทศกรีซ


   รูปปั้นสิงโต ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โบราณคดีและตำนานในประเทศกรีซ บนเกาะดีโลส เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเทพเจ้ากรีกสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพอพอลโลนั่นเองและอาร์ทิมิส มันได้รับการทุ่มเทให้กับอพอลโลโดยคนของ Naxos 600 ปีก่อนคริสตกาล แต่เดิมมีรูปปั้นหินอ่อนสิงโตอยู่ 9 ตัว เเต่ตอนนี้เหลืออยู่ 5 ตัว เพราะรูปปั้นของสิงโต 3-4 ตัว ถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์ Delos ในปี 1999

9.รูปปั้นเงือกน้อย , ประเทศเดนมาร์ก


   รูปปั้นนี้สร้างขึ้นโดยศิลปินชาวเดนมาร์กชื่อ เอ็ดวาร์ด อีริกเซน ตามคำสั่งจ้างของคาร์ล จาค็อบเซน บุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์ก ในปี ค.ศ. 1909 ซึ่งมีความประทับใจในบัลเลต์เรื่อง เงือกน้อยผจญภัย (เดนมาร์ก: Den lille havfrue; อังกฤษ: The Little Mermaid) จากนิทานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน โดยอีริกเซนนำแบบใบหน้ามาจากนักเต้นบัลเลต์ชื่อ เอลเลน ไพรซ์ ส่วนร่างกายที่เป็นหญิงเปลือยนำแบบมาจากภรรยาของตัวเขาเอง รูปปั้นแล้วเสร็จถูกนำไปติดตั้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1913 รูปปั้นนี้มีน้ำหนักประมาณ 175 กิโลกรัม
  และตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา รูปปั้นซึ่งตั้งอยู่ในที่สาธารณะถูกลักลอบทำความเสียหายหลายครั้ง ทั้งตัดศีรษะ แขน พ่นสีใส่ หรือถูกนักท่องเที่ยวปีนป่ายเพื่อถ่ายภาพ ปัจจุบันรูปปั้นที่จัดแสดงอยู่เป็นรูปจำลองที่ทำขึ้นมาใหม่ ส่วนรูปปั้นตัวจริงเก็บรักษาอยู่ในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย ภายใต้การครอบครองของทายาทของเอ็ดวาร์ด อีริกเซน

8.รูปปั้นคนครุ่นคิด


   ประติมากรรม "คนครุ่นคิด" เดิมชื่อ "กวี" เป็นประติมากรรมสำริดที่สร้างขึ้นโดยออกุสต์ โดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะตกแต่ง ในกรุงปารีสเพื่อเป็นรูปปั้นสำหรับประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ รอแด็งได้รับแรงบันดาลใจจากไตรภูมิดันเตของดันเต อาลีกีเอรี และตั้งชื่อประตูว่า "ประตูนรก" ประติมากรรมแต่ละชิ้นเป็นตัวแทนชองตัวละครจากมหากาพย์ เดิม "คนครุ่นคิด" ตั้งใจจะให้เป็นดันเต อาลีกีเอรี หน้า "ประตูนรก" ครุ่นคิดถึงมหากาพย์ ในประมากรรมชิ้นสุดท้าย รูปปั้นเล็กนั่งอยู่เหนือประตูคิดถึงชะตาของผู้อยู่ข้างใต้ ประติมากรรมเป็นรูปเปลือยเพราะรอแด็งต้องการสร้างผู้ที่มีลักษณะเป็นวีรบุรุษทำนองเดียวกับมีเกลันเจโล ที่แสดงให้เห็นทั้งด้านสติปัญญาและความสามารถทางกวีนิพนธ์
   รอแด็งสร้างปูนหล่อขนาดเล็กในปี ค.ศ. 1880 รูปใหญ่หล่อเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1902 แต่มิได้ตั้งแสดงให้ประชาชนชมจนปี ค.ศ. 1904 ต่อมางานชิ้นนี้ตกไปเป็นของกรุงปารีส และถูกนำไปตั้งอยู่หน้าตึกป็องเตอง ตึกป็องเตอง (Panthéon) ใน ค.ศ. 1906 ในปีค.ศ. 1922 ก็ถูกย้ายไปหน้าโรงแรมบีรงที่ต่อมาเป็นพิพิธภัณฑ์รอแด็ง

7.อนุสาวรีย์โทรมาตุภูมิ,ประเทศรัสเซีย


   รูปปั้นนี้ยังเป็นที่รู้จัก 'มาตุภูมิ' ตั้งอยู่ในโวลโกกราดรัสเซีย มันเป็น รูปปั้นที่สูงที่สุดในโลกที่ วัด 85 เมตร (279 ฟุต) จากปลายของ ดาบ ไปด้านบนของ แท่น รูปตัวเองมีขนาด 52 เมตร (171 ฟุต) และดาบ 33 เมตร (108 ฟุต) สองร้อยขั้นตอนสัญลักษณ์ 200 วันของ การต่อสู้ของตาลินกรา

6.ศีรษะ โอลเมคส์ ,ประเทศแม็กซิโก


    ชาวโอลเมคศ์ในประเทศแม็กซิโก ได้สร้างรูปปันก้อนหินรูปศีรษะคนขนาดยักษย์ขึ้นมา จำนวน 8 ชิ้น รูปปั้นนี้มีขนาดความสูงที่สุด 3.4 เมตรสูงที่สั้นที่สุดคือ 1.47 เมตร แล้วถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1,200 ปี 
ก่อนคริสตศักราช ถูกพบใน ซาน ลอเรนโซ ของประเทศแม็กซิโก

5.อนุสาวรีย์ดาวิด, อิตาลี


   เดวิดเป็นงานชิ้นเอกของประติมากรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาสร้างขึ้นระหว่าง 1501 และ 1504 โดยศิลปินชาวอิตาเลียนที่มีชื่อว่าเกลันเจโล รูปปั้นมีขนาด 5.17 เมตร (17.0 ฟุต) วัสดุนั้นทำมาจากหินอ่อน แสดงภาพของชายยืนเปลือย ซึ่งเป็นรูปสลักกษัตริย์เดวิดแห่งอิสราเอลในวัยหนุ่มดังกล่าวเป็นรูปสลักหินที่เป็นที่จดจำได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะ มันได้รับการนับถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงามของพละกำลังและความหนุ่มสาวของมนุษย์

4.รูปปั้นสฟิงซ์,ประเทศอียิป


   สฟิงซ์เป็นรูปปั้นหินปูนของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของสัตว์หลายชนิดรวมอยู่ในตัวเดียวกันตามความเชื่อของคนแต่ละท้องถิ่น ทั้งนี้ สฟิงซ์เป็นความเชื่อที่มีอยู่ในหลายวัฒนธรรม สฟิงซ์มีใบหน้าและทรวงอกของหญิงสาว ท่อนล่างเป็นสิงโตและมีปีกแบบนกอินทรี มีลักษณะนิสัยชอบทรยศหักหลัง ก้าวร้าวรุนแรง และกระหายเลือด และพวกนี้ยังชอบกินคนเป็นอาหารด้วย มันตั้งอยู่บนที่ราบสูงกิซ่าบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ในกิซ่า ประเทศอียิปต์ มันเป็นรูปปั้นหินใหญ่ก้อนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยืนพื้นถึง 73.5 เมตร (241 ฟุต) ยาว 19.3 เมตร กว้าง (63 ฟุต) และสูง 20.22 เมตร (66.34 ฟุต) นอกจากนี้ยังเป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดที่เรารู้จักกันอีกด้วย 

3.โมอาย , เกาะอีสเตอร์


   รูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด โมไอถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ อุทยานแห่งชาติราปานูอี ประเทศชิลี โมไอเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่บางตัวก็มีของประดับลักษณะคล้ายหมวกหรือมวยผมซึ่งเรียกว่า "ปูเกา" (pukao) เป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมไอเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ปล่องภูเขาไฟราโนรารากู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมไออยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ ความสำคัญของรูปปั้นนี้ที่ถูกยกย่องก็คือ มันเป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด และยังเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา

2.อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา


   เป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Statue of Liberty แต่เดิมชื่อว่า Liberty Enlightening the World ตั้งอยู่ ณ เกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 เทพีเสรีภาพ เป็นประติมากรรมโลหะสำริด รูปเทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูคบเพลิง มือซ้ายถือถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และมีอักษรสลักว่า "JULY IV MDCCLXXVI" หรือ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319(ค.ศ. 1776) เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ที่ขาด แสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส สวมมงกุฎ 7 แฉกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทะเลทั้งเจ็ด หรือทวีปทั้งเจ็ด

1.รูปปั้นพระเยซูคริสต์, ริโอเดอจาเนโร,ประเทศบราซิล


  เป็นรูปปั้นพระเยซูคริสต์ตั้งอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาดู ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร ได้รับการออกแบบโดยเอโตร์ ดา ซิลวา กอชตา ชาวบราซิล และสร้างโดยปอล ลันดอฟสกี ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2474 รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครรีโอเดจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อปี



Cradit:http://www.peimag.com/





แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น
* Please Don't Spam Here. All the Comments are Reviewed by Admin.

Top Post Ad